รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก: สปัลเล็ตติพาอิตาลีชนะจืดชืด, ฮาแลนด์ช่วยนอร์เวย์มีลุ้นต่อ

ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ คุมทีมชาติอิตาลีเป็นครั้งสุดท้ายในวันจันทร์ที่ผ่านมา และแม้ทีมจะส่งท้ายให้เขาด้วยชัยชนะ แต่กุนซือที่ถูกปลดยอมรับว่า เขาไม่ได้ทิ้งทีมไว้ในสภาพที่ดีสำหรับผู้สืบทอดตำแหน่ง
สปัลเล็ตติต้องชดใช้กับความพ่ายแพ้แบบหมดรูป 0-3 ต่อ นอร์เวย์ เมื่อวันศุกร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเส้นทางในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก กลุ่ม I ของยุโรป และชัยชนะแบบไร้แรงบันดาลใจ 2-0 เหนือมอลโดวาในบ้าน ก็ไม่ใช่การอำลาที่เขาต้องการ
อิตาลี ทำประตูขึ้นนำได้ก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาที จากการยิงของ จาโคโม ราสปาโดรี่ บริเวณขอบเขตโทษ และ อันเดรีย คัมเบียโซ่ มายิงเพิ่มหลังเริ่มครึ่งหลังไม่นาน
“ผมผิดหวังกับผลงานในเกมนี้” สปัลเล็ตติกล่าว “ผมไม่ได้มอบทีมชาติที่ยอดเยี่ยมไว้ให้คนที่มารับช่วงต่อ เพราะเราเองก็ไม่ได้เล่นได้ดีในค่ำคืนนี้ ผมได้รับโอกาสในการทำงาน ผมพยายามแล้ว ผมทำผิดพลาด และผมก็ลองสิ่งใหม่ ๆ ด้วย ผมพยายามเรียนรู้จากทุกสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ได้คิดว่าผมฉลาดที่สุด ผมไม่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของนักเตะเหล่านี้ออกมาได้ และผมต้องยอมรับมัน”
อดีตกุนซือของนาโปลีประกาศการอำลาตำแหน่งของเขาเองในวันก่อนเกมกับมอลโดวา หลังคุมทีมได้ไม่ถึงสองปี และมีผลงานไม่น่าประทับใจในยูโร 2024 ด้วย
“หากคุณตกลงคุมทีมชาติ เหมือนที่ผมทำ คุณก็ต้องหาทางแก้ไขเอง คุณไม่สามารถอ้างว่ามีนักเตะน้อยไป หรือเริ่มหาข้ออ้างได้” สปัลเล็ตติกล่าว
“ผมทำได้ไม่ดี และในบางแง่มุม มันก็สมควรแล้วที่ผมต้องกลับบ้าน แต่ผมไม่ได้ลาออก เพราะผมเชื่อว่าผมยังทำได้ดีกว่านี้ แต่ถ้าผู้บริหารบอกว่าผมไม่ใช่คนที่ใช่อีกต่อไป ผมก็ยินดีเซ็นยกเลิกสัญญา”
อิตาลียังไม่ได้แต่งตั้งโค้ชคนใหม่อย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่า เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามารับงานต่อ
เมื่อถูกถามว่าอยากฝากคำแนะนำอะไรไว้ให้คนที่จะมารับงานต่อ สปัลเล็ตติตอบว่า:
“ตอนผมเข้ามา ผมพยายามเขย่าระบบ แต่สุดท้ายสิ่งที่เราเห็นอาจยิ่งแย่ลง ผมขออวยพรให้สมาคมฟุตบอล และโค้ชคนใหม่โชคดี”
ด้านอื่นในรอบคัดเลือก
นอร์เวย์ ยังคงรั้งจ่าฝูงของกลุ่ม I หลังบุกชนะ เอสโตเนีย 1-0 จากประตูของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้ชนะรวด 4 นัด
ในกลุ่ม J:
มาซิโดเนียเหนือ ขึ้นนำจ่าฝูงเหนือ เวลส์ 1 แต้ม หลัง อเล็กซานดาร์ ไตรคอฟสกี้ ยิงประตูชัยในครึ่งแรก บุกชนะ คาซัคสถาน 1-0
เวลส์ แพ้ เบลเยียม ไปแบบสุดมัน 4-3
ในกลุ่ม L:
โครเอเชีย ถล่ม สาธารณรัฐเช็ก 5-1 ที่ออสเยค
อันเดรย์ ครามาริช ยิงเบิกร่องก่อนหมดครึ่งแรก
ลูก้า โมดริช ยิงจุดโทษให้โครแอตขึ้นนำอีกครั้งหลังถูกตีเสมอ
อีวาน เปริซิช, อันเต้ บูดิเมียร์ (จุดโทษ), และ ครามาริช คนเดิม ยิงเพิ่มปิดจ็อบ
แม้แพ้ เช็กยังคงรั้งจ่าฝูงหลังชนะมา 3 นัดก่อนหน้านี้
หมู่เกาะแฟโร พลิกแซงชนะ ยิบรอลตาร์ 2-1 จากประตูท้ายเกมของ แพทริค โยฮันเนเซน