"ผมเคยมาอยู่ตรงนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป" – มาร์กินญอสมุ่งมั่นจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ของเปแอสเชก่อนนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตั้งเป้าคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ในเกมที่พวกเขาจะพบกับอินเตอร์ มิลาน คืนวันเสาร์นี้ ถ่ายทอดสดทาง TNT Sports และ discovery+
มาร์กินญอส กองหลังทีมชาติบราซิลซึ่งอยู่กับสโมสรตั้งแต่ปี 2013 ให้สัมภาษณ์กับ TNT Sports ว่า เขามีแรงจูงใจอย่างมากจากโอกาสในการสร้างประวัติศาสตร์ และจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในรอบชิงฯ ปี 2020 ที่แพ้ให้กับบาเยิร์น มิวนิค
“นักเตะของ เปแอสเช ทุกคนต่างมีแรงกระตุ้นจากโอกาสที่จะสร้างชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของสโมสร ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก” มาร์กินญอสกล่าว
เปแอสเชจะพบกับอินเตอร์ มิลาน ที่เมืองมิวนิคในวันเสาร์นี้ โดยมีเป้าหมายคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
แนวรับจอมเก๋ารายนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมืออีก หลังเคยพลาดมาแล้วในรอบชิงปี 2020
“ผมคิดว่าการเข้าถึงรอบชิงฯ มันยากมาก ทุกคนได้เห็นอุปสรรคที่เราผ่านมาตลอดฤดูกาลนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องให้คุณค่ากับช่วงเวลาแบบนี้”
“ผมเคยมาถึงรอบชิงฯ มาก่อน แม้ว่าสถานการณ์จะต่างกันในตอนนั้น และผมปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไป ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ผมอยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้และคว้าแชมป์รายการนี้ เพื่อให้มีอะไรบางอย่างยืนยันถึงการเดินทางอันสวยงามและความรู้สึกอันน่าทึ่งที่เราได้สัมผัสมาตลอดฤดูกาลและตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
“ผมจะทุ่มเททุกอย่างที่มีในสนาม เพื่อให้เราจบฤดูกาลนี้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์”
แม้เปแอสเชจะคว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันในฤดูกาลนี้ แต่ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ยังคงเป็นเป้าหมายสูงสุดที่สโมสรซึ่งมีทุนหนาจากกาตาร์ยังไม่เคยสัมผัสได้
“ผมเชื่อว่าการคว้าแชมป์คือสิ่งที่จะสลักชื่อคุณไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ นั่นคือวิธีที่คุณจะทิ้งรอยไว้ในสโมสร สำหรับสโมสรเอง มันก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และมรดกของทีมด้วย”
“การคว้าแชมป์แรกย่อมมีความพิเศษเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรายการไหนก็ตาม สำหรับพวกเรานี่คือแรงกระตุ้นอย่างมาก เราอยากทำให้สำเร็จ เพราะนักเตะที่คว้าแชมป์แรกให้กับสโมสรจะถูกจารึกไว้ตลอดกาล”
มาร์กินญอสยังชื่นชมผลงานของ หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือของทีม ซึ่งเข้ามาคุมทีมหลังการย้ายออกไปของดาวดังอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้, เนย์มาร์ และลิโอเนล เมสซี และสร้างทีมที่เล่นอย่างมีระบบและมีเอกลักษณ์ร่วมกัน
“ผมคิดว่าจุดเริ่มต้นคือการมาถึงของโค้ชหลุยส์ เอ็นริเก้ เขาได้ปลูกฝังดีเอ็นเอที่เขาต้องการให้กับทีม รวมถึงอัตลักษณ์ของทีมและความมุ่งมั่นในการทำงานในสนาม”
“ทุกคนทำงานหนัก ตัวรุกช่วยเล่นเกมรับ กองหลังก็เติมเกมรุก ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนมีบทบาทสำคัญในสนาม”
“มันใช้เวลา ตอนที่เขามาถึง ทีมยังมีหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยน โดยเฉพาะเรื่องทัศนคติในการเล่น เขาแสดงให้เราเห็นจุดที่ต้องปรับปรุง เขาค่อย ๆ แก้ทีละอย่าง พออย่างหนึ่งเรียบร้อยก็ค่อยไปต่ออย่างถัดไป เขาพลิกสถานการณ์ได้ และทุกวันนี้เราพัฒนาขึ้นมากเพราะสิ่งเหล่านั้น”